อีลอน มัสก์ ก้าวขึ้นเป็น บุคคลที่ รวยที่สุดในโลก

อีลอน มัสก์ ก้าวขึ้นเป็น บุคคลที่ รวยที่สุดในโลก

อีลอน มัสก์ ได้ก้าวขึ้นมาเป็น บุคคลที่ รวยที่สุดในโลก ปาดหน้าเจ้าของอเมซอน หลังจากหุ้นของเขาเพิ่มขึ้น เนื่องจากนโยบายของว่าที่รัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 7 มกราคม สำนักข่าว เดอะ การ์เดียน รายงานว่า นาย อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เทสลา และ สเปซเอ็กซ์ กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลก แซงหน้านาย เจฟฟ์ เบซอส เจ้าของอเมซอน หลังจากที่าคาหุ้นของเทสลาเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากนโยบายของพรรคเดโมแครต ของสหรัฐฯ ที่น่าจะสนับสนุนพลังงานสีเขียว

โดยนาย มัสก์ มีทรัพย์สินทั้งหมดมากกว่า 1.85 แสนล้านดอลลาร์ 

ซึ่งมากกว่านาย เบซอส ที่ครองตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2560 ราวๆ 1.5 พันล้าน

ด้านเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความลงทวิตเตอร์ว่า “แปลกจัง” ต่อด้วย “กลับไปทำงานต่อดีกว่า”

ก่อนหน้านี้นาย มัสก์ เคยกล่าวว่าทรัพย์สินครึ่งนึงของเขาจะถูกนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาโลก และ อีกครึ่งนึงไปใช้พัฒนาเมืองที่จะตั้งอยู่บนดาวอังคาร เพื่อสานต่อมนุษยชาติในกรณีที่โลกถูกทำลาย ไม่ว่าจะด้วยจากอุกกาบาต สงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของมนุษย์เอง

นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศ ยอมแพ้ เป็นครั้งแรก พร้อมประกาศว่ารัฐบาลของนาย โจ ไบเดน จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป เมื่อวันที่ 8 มกราคม สำนักข่าว CNBC รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้โพสต์วิดีโอลงบนทวิตเตอร์ หลังจากที่เขาถูกแบนครบ 12 ชั่วโมง โดยในวิดีโอที่ยาวเกือบสามนาที นายทรัมป์ ได้พูดถึงการบุกสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ ซึ่ง ผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวประณามเหตุความรุนแรงครั้งนี้ และกล่าวว่าผู้ที่ละเมิดกฎหมายต้องชดใช้

นอกจากนี้นายทรัมป์ ยังได้กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ที่จะถึงนี้ และเขาตั้งเป้าว่าจะการสืบทอดอำนาจจะเป็นไปอย่างสงบและราบรื่น อย่างไรก็ตาม นาย ทรัมป์ ไม่ได้เอ่ยชื่อของนาย โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา สภาคองเกรส ยืนยันว่านาย โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แม้ว่าการยืนยันคะแนนเสียงก่อนหน้านี้จะถูกยุติเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากกลุ่มผู้สนับสนุน นาย โดนัลด์ ทรัมป์

ทางการออสเตรเลีย ประกาศสั่ง ล็อกดาวน์ เมือง บริสเบน เป็นระยะเวลา 3 วัน หลังพบผู้ป่วยโควิดกลายพันธุ์ในประเทศ เมื่อวันที่  8 มกราคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ได้ประกาศล็อกดาวน์ เมืองบริสเบน เป็นระยะเวลา 3 วัน หลังจากที่พบพนักงานทำความสะอาดในโรงแรมกักตัวป่วยเป็นโรคโควิดกลายพันธุ์ เชื้อสายอังกฤษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

โดยมุขมนตรีของรัฐควีนส์แลนด์ระบุว่า การล็อกดาวน์ 3 วันในครั้งนี้เป็นการสกัดไม่ให้เมืองบริสเบน ต้องสั่งล็อกดาวน์เป็นระยะเวลา 30 วันในอนาคต เนื่องจากโควิดกลายพันธุ์นั้นสามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าโควิดทั่วๆไป ซึ่งเธอมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจถึงอานุภาพของโควิดกลายพันธุ์ดี

มาตรการดังกล่าวจะเริ่มใช้ในเวลา 18.00 น. ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน เพื่อซื้อเครื่องใช้จำเป็น หรือ ออกไปพบแพทย์เท่านั้น

ขณะนี้ประเทศออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยสะสมราวๆ 28,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 ศพ ซึ่งบริสเบนถือเป็นเมืองทีมีจำนวนผู้ป่วยสะสมน้อยตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มขึ้น

จีน ล็อกดาวน์ เมืองหลวง เหอเป่ย สกัดโควิด

ทางการ จีน ผวา! สั่ง ล็อกดาวน์ เมืองหลวงขอมณฑล เหอเป่ย หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 51 ราย มากสุดในรอบ 5 เดือน เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา สำนักข่าวชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่าทางการจีนได้สั่งล็อกดาวน์เมืองฉือเจียจวง เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่สุดของมณฑลเหอเป่ย หลังจากที่ทางการพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อในประเทศ 51 ราย ถือเป็นตัวเลขผู้ป่วยที่ติดเชื้อในประเทศที่มากที่สุดในรอบห้าเดือน

คำสั่งนี้จะส่งให้ประชากรกว่า 11 ล้านคนไม่สามารถเดินทางออกนอกเมืองได้ และยังไม่สามารถออกจากย่านที่ประชาชนพักอาศัยอีกด้วย ในขณะนี้ทางการกำลังเร่งปูพรมตรวจหาโรคโควิด-19 เพื่อลดการแพร่ระบาดในพื้นที่ลง ซึ่งนอกจากประชาชนจะไม่สามารถเดินทางออกเมืองแล้ว ทางการยังสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนนอกพื้นที่เดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีการนั่งรถไฟ

ด้านทางการในมณฑลกวางตุ้ง ได้เปิดเผยว่าพบผู้ป่วยโควิดกลายพันธุ์ ชนิดเดียวกันกับที่ถูกพบในแอฟริกาใต้ เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ได้สร้างความกังวลให้กับนักวิทยาศาสตร์ว่าวัคซีนต้านโควิด จะสามารถใช้การกับโควิดกลายพันธุ์ได้หรือไม่

คองเกรส ยืนยัน ว่านาย โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แม้ว่าการยืนยันคะแนนเสียงก่อนหน้านี้จะถูกม็อบบุกก็ตาม

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า สภาคองเกรสได้ยืนยันชัยชนะของ นาย โจ ไบเดน และ นาง กมลา แฮร์ริส ให้เข้าดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดี และ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป หลังจากที่สมาชิกสภายืนยันคะแนนโหวตของคณะผู้เลือกตั้ง เพื่อยืนยันว่า โจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยการประชุมก่อนหน้านี้ถูกระงับเป็นการชั่วคราวหลังจากที่มีผู้สนับสนุนนาย โดนัลด์ ทรัมป์ จำนวนมาก บุกเข้าไปรัฐสภาฯ และสร้างความวุ่นวายจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ศพ และมีผู้ถูกจับกุมกว่า 52 ราย

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป